วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

สี จิ้น ผิง ลั่นฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ชนชาติจีน


 การประชุมสภาตรายางจีนปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแสดงสุนทรพจน์หลังรับตำแหน่งครั้งแรก ให้คำมั่นจะต่อสู้เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติ เรียกร้องภาครัฐลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย-ต้านคอรัปชั่น ส่วนนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงเปิดแถลงข่าว ยืนยันการทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืนคืองานสำคัญอันดับแรก พร้อมแสดงความสัมพันธ์แบบใหม่กับสหรัฐ
    ประธานาธิบดีสีใช้เวลากล่าวสุนทรพจน์ปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีน (เอ็นพีซี) ราว 25 นาทีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม โดยนอกจากการเน้นย้ำว่าจะสานต่องานของผู้นำคนก่อนๆ และขอบคุณประธานาธิบดีหูจิ่นเทาแล้ว สีประกาศว่าเขาจะต่อสู้เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีน และได้เรียกร้องให้สมาชิกราว 3,000 คนภายในมหาศาลาประชาชนพยายามอย่างแรงกล่าวเพื่อสืบสานการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่และความฝันของชาวจีนให้เป็นจริงต่อไป
    ข้อเรียกร้องฟื้นฟูประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกเป็นดั่งคาถาที่สีท่องมาตลอดนับแต่สีขึ้นสืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่เขาไม่เคยลงลึกถึงรายละเอียดของการฟื้นฟูดังกล่าว ในสุนทรพจน์ปลุกความรักชาติ สีได้เรียกร้องความเป็นเอกภาพแห่งชาติและเตือนกองทัพให้ปรับปรุงขีดความสามารถของตน เพื่อ "ชนะการศึกและปกป้องอธิปไตยและเสถียรภาพของประเทศ" อันเป็นการส่งสัญญาณในทีว่า เขาจะเดินหน้านโยบายการต่างประเทศแบบแข็งกร้าวมากขึ้น
    สีกล่าวถึงปัญหาคอรัปชั่นที่ทำให้ประชาชนเอือมระอาและโกรธแค้นรัฐบาลด้วยว่า เป็นภัยคุกคามอำนาจของพรรค และขอให้สมาชิกทั้งหลายต่อต้านสุขนิยมและการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ด้านเศรษฐกิจเขาย้ำว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น
    สุนทรพจน์ของสีเป็นการปิดประชุมเอ็นพีซียาวนาน สัปดาห์ลงอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อวันเสาร์ สภาได้อนุมัติการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่หลายกระทรวง ซึ่งรวมถึง หวังอี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และโหลวจี้เหว่ย เป็นรัฐมนตรีคลัง ส่วนรองนายกรัฐมนตรีประกอบด้วย จางเกาลี่หลิวย่านตงหวังหยาง และหม่าไค
    ต่อจากนั้น หลี่ ผู้นำหมายเลข ของจีน ได้เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และให้ผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศถามคำถามที่มีการคัดกรองล่วงหน้า กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเกือบ ชั่วโมง หลี่เน้นตั้งแต่เริ่มต้นการแถลงของเขาว่า งานสำคัญลำดับแรกของเขาคือดำรงการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยหัวใจสำคัญคือการเสริมสร้างการปฏิรูปเศรษฐกิจ
    หลี่กล่าวถึงช่องว่างรายได้ในประเทศและความโกรธแค้นของประชาชนต่อปัญหาการคอรัปชั่นด้วย โดยรับปากจะปฏิรูปรัฐบาลกลางลด "ความความสุรุ่ยสุร่าย" และการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์ ประการหลังเขาไม่ได้ระบุชื่อองค์กรหรือวิสาหกิจใดเป็นการเฉพาะ
    "รัฐบาลควรเป็นผู้พิทักษ์ความเป็นธรรมในสังคม เราต้องทำงานหนักเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน" หลี่กล่าว "เพื่อที่ว่าประชาชนที่ทำงานหนักก็จะได้รับการตอบแทนที่สมควร ไม่ว่าคุณจะสร้างความมั่งคั่งจากสิ่งใด เป็นรัฐวิสาหกิจบริษัทเอกชนหรือธุรกิจปัจเจก ตราบใดที่แข่งขันอย่างเท่าเทียมกันและทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใด คุณก็จะประสบความสำเร็จ" 
    ด้านนโยบายต่างประเทศ เขากล่าวว่า การพัฒนาความสัมพันธ์แบบใหม่กับสหรัฐถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และว่าสองชาติมหาอำนาจนี้ควรร่วมมือกันเพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ที่มีร่วมกันจะอยู่เหนือกว่าความขัดแย้ง ขณะเดียวกันหลี่กล่าวด้วยว่าสหรัฐควรเลิกกล่าวหาทางการจีนว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานราชการและเอกชนของสหรัฐได้แล้ว เพราะเป็นคำกล่าวหาที่ "ไร้หลักฐาน".

 แหล่งข่าวไทยโพสต์  18 มีนาคม 2556

วิเคราะห์ข่าวจากรายงานข่าวพบว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อปลุกความรักชาติ สีได้เรียกร้องความเป็นเอกภาพแห่งชาติและเตือนกองทัพให้ปรับปรุงขีดความสามารถของตน เพื่อ "ชนะการศึกและปกป้องอธิปไตยและเสถียรภาพของประเทศ" อันเป็นการส่งสัญญาณในทีว่า เขาจะเดินหน้านโยบายการต่างประเทศแบบแข็งกร้าวมากขึ้น วิธีการแบบนี้ไม่แตกต่างจากการที่เราได้ยินเสียงเพลงรักชาติ ที่ใช้ในการปลุกเร้าประชาชนให้รักชาติเพื่อสร้างความสามัคคีในชาติของตน สำหรับในกรณีของท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแล้ว เราจะพบว่าท่านมีนักร้องเพลงรักชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศจีนเป็นคนคู่เคียงกายอยู่ ส่วนใน นายหลี่ เค่อเฉียน นายกรัฐมนตรีจีน ผู้นำหมายเลขสอง ก็ให้ความสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และทั้งสองท่านย้ำถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ด้านนโยบายต่างประเทศทั้งสีจิ้นผิงและหลี่เคอเฉียนเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐ ซึ่งจำเป็นต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และว่าทั้งจีนและสหรัฐควรมั่นใจในผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อขจัดความแย้งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนายหลี่ก็ยังย้ำให้สหรัฐเลิกกล่าวหาทางการจีนว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานราชการและเอกชนของสหรัฐได้แล้ว เพราะเป็นคำกล่าวหาที่ "ไร้หลักฐาน".

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น