วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นายกรัฐมนตรีไทยกับการประชุมเอเปก (APEC) ที่ปักกิ่ง


ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/ 
.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีระดับโลกอีกครั้ง ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน บิ๊กตู่ออกเดินทางเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางโดยเครื่องบินแอร์บัส 310 ของกองทัพอากาศ ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย. โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์และภริยา พร้อม คณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง โดยมีทางการจีนจัดพิธีต้อนรับที่ลานจอดเครื่องบิน จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าหารือแบบทวิภาคีร่วมกับหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่มหาศาลาประชาชน ก่อนจะไปพบปะนักธุรกิจไทย นักเรียนไทย และคนไทยในกรุงปักกิ่ง พร้อมมอบนโยบายให้ทีมประเทศไทย เจรจากับจีนประเด็นรถไฟทางคู่เชื่อมภูมิภาค ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการหารือของนายกรัฐมนตรีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า นายกฯชื่นชมยุทธศาสตร์จีนที่พัฒนาเส้นทาง R3A เชื่อมต่อจากนครคุนหมิง-กรุงเทพฯ และพัฒนาเส้นทางระบบรางบริเวณชายแดน เพื่อเตรียมเชื่อมต่อจนไปถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไทยยินดีที่จะร่วมมือกับจีนในการพัฒนารถไฟทางคู่เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงจีน ไทยและประเทศในภูมิภาค นายกฯได้ขอบคุณจีนที่นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้ ข้าวหอมมะลิ และยางพารา นายกฯได้เชิญนายกรัฐมนตรีจีนเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (Great Mekong Subregion- GMS Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม GMS Summit ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค.นี้ โดยไทยจะผลักดันประเด็นเรื่องการพัฒนา ระเบียงเส้นทางการคมนาคม (Transport Corridors) ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridors) การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งและการป้องกันการลักลอบการค้ามนุษย์ด้วย
แหล่งข่าว: http://www.bangkokpost.com/news/general/442334/prayut-backs-china-sea-rail-link-plans
วิเคราะห์ข้อมูล

การเจรจากับจีนในเรื่องรถไฟรางคู่เชื่อมภูมิภาค น่าจะมีความก้าวหน้ามากขึ้น หากนายกและรัฐมนตรีจีนได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในปลายปีนี้ ความร่วมมือในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน และการค้าชายแดนจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและติดตามประเด็นการประชุมต่อไป

จีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอินเตอร์เน็ตโลกครั้งแรก


สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ของจีน รายงานว่า การประชุมอินเตอร์เน็ตโลก(World Internet Conference)ครั้งแรกจัดขึ้นที่ตำบลอูเจิ้น มณฑลเจ้อเจียงของจีนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้แทนวงการอินเตอร์เน็ตจากกว่า 100 ประเทศและเขตแคว้นร่วมประชุมเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อให้ทั่วโลกติดต่อสัมพันธ์กันใกล้ชิดยิ่งขึ้น ร่วมแบ่งปันผลสำเร็จจากการพัฒนาเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต การร่วมมือกันเพื่อการบริหารไซเปอร์สเปซโลก ตำบลอูเจิ้นของจีนที่จัดการประชุมครั้งนี้ อยู่ในฐานะสถานที่จัดการประชุมอินเตอร์เน็ตโลกอย่างถาวร ซึ่งได้รับความสนใจจากทั่วโลกอย่างกว้างขวาง เทียบเคียงกับดาวอสซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมเศรษฐกิจโลก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีแก่ที่ประชุม ซึ่งมีหัวข้อหลักของการประชุมคือ "เชื่อมโยงและติดต่อกัน ร่วมบริหารและใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต" สะท้อนให้เห็นว่า จีนให้ความสำคัญในประเด็นนี้ และเห็นว่าประชาคมโลกจับตาการแก้ปัญหาสำคัญด้านการบริหารและพัฒนาอินเตอร์เน็ตไม่ต่างจากโลกตะวันตก
แหล่งข่าว: China Radio International
http://www.bbc.com/news/world-asia-china-30110297
ที่มาภาพ: http://thai.cri.cn/247/2014/11/20/62s226972.htm


วิเคราะห์ข่าว:
ข่าวเกี่ยวกับการบล็อกอินเตอร์เน็ต การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในจีนเกิดขึ้นจนมีการกล่าวหาว่าเป็นกระทำที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน ซึ่งรัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธและตอบโต้กลับทุกครั้งที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นการจัดประชุมอินเตอร์เน็ตโลกครั้งนี้จึงนับว่าเป็นอีกมุมที่แสดงให้โลกรับรู้ว่า จีนไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาของโลกไซเบอร์เลยและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาของโลกเช่นกัน มีหลายแนวคิดจากการถกเถียงอย่างกว้างขวาง ในการประชุมครั้งนี้ เช่น มีความเชื่อว่าอินเทอร์เน็ตของจีนไม่ได้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อลักษณะของการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตทั่วโลก มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการบล็อกอินเตอร์เน็ตในจีน

จีนเร่งสร้างกลุ่มสื่อระหว่างประเทศแบบใหม่ที่ทันสมัยและหลากหลาย


ที่มาภาพ: ไทม์ แมกกาซีน และ เทเลกราฟ 

ตั้งแต่การประชุมผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ("สมัชชา 18") เป็นต้นมา
นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้แนวทางเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างประเทศ  นายหวัง เกิงเหนียน ผู้อำนวยการและบรรณาธิการใหญ่สถานีวิทยุซีอาร์ไอได้เขียนบทความหัวข้อ "ให้เสียงจีนกระจายไปทั่วโลก" ลงตีพิมพ์ในวารสาร "ฉิว ซื่อ" ฉบับที่ 21 ระบุให้ถือเอาคำปราศรัยของนายสี จิ้นผิงเป็นหลักชี้นำในการเร่งสร้างกลุ่มสื่อระหว่างประเทศแบบใหม่ที่ทันสมัยและหลากหลาย พยายามให้มีสิทธิ์มีเสียงในเวทีโลกมากขึ้น การที่จีนทำการสื่อสารระหว่างประเทศนั้นจะเป็นการหยั่งรากในวัฒนธรรม อักษร ประวัติศาสตร์และสภาพที่เป็นจริงในปัจจุบันของจีน ซึ่งจะมุ่งประเด็นคุณธรรมและมารยาทที่มีลักษณะร่วม จะใช้นิยามและถ้อยแถลงใหม่ที่ตรงกันทั้งจีนและต่างประเทศ ใช้ภาษาที่มีความมั่นใจในตัวเอง ให้ผู้รับสารรับรู้เข้าใจได้ เกิดความศรัทธาและนำไปเผยแพร่ต่อ
แหล่งข่าว: China Radio International

วิเคราะห์ข่าว:
จากข่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า จีนให้ความสำคัญกับการสื่อสารระหว่างประเทศ หากมองลึกลงไปจะพบว่าจีนก็ยังคงยึดมั่นในหลักการเดิมคือการเผยแพร่ข้อมูลทั้งภายในและนอกประเทศ โดยเน้นการส่งสารทางเดียวมากกว่าการรับสาร แต่อย่างไรก็ตามการสื่อสารระหว่างประเทศที่เน้นวัฒนธรรม คุณธรรมและมรรยาท การสื่อสารที่ตรงกันก็เป็นประเด็นถูกหยิบมาพิจารณาซึ่งน่าชื่นชมกับการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ซึ่งดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คงต้องติดตามกันต่อไปในประเด็นนี้ การสื่อสารระหว่างมวลชนกับรัฐ และรัฐกับรัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป
                                                           


จีนผ่อนปรนกฎคุมร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ควบคุมร้านเถื่อนผุดขึ้นในชนบท

ที่มาภาพ:  ภาพจาก AP ขณะลูกค้ากำลังใช้บริการร้านเนตคาเฟ่แห่งหนึ่งในปักกิ่ง 
ทางการจีนออกนโยบายผ่อนปรนกฎคุมร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ 
หลังความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตในชนบทเพิ่มสูงขึ้น
หลังจากที่ความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตในชนบทของจีนยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อป้องกันร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เถื่อนจะเกิดขึ้นเกลื่อนเมือง ทางการจีนจึงยอมผ่อนปรนกฎการตั้งร้านอินเตอร์เน็ต ทั้งเรื่องสถานที่ตั้ง และจำนวนคอมพิวเตอร์ในร้าน สำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน รายงานว่า แม้จะมีการผ่อนปรนกฎ แต่ก็ยังมีการกำหนดขนาดของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ไว้ โดยร้านเนตฯ ที่จะเปิดได้ตามกฎหมายต้องมีขนาดอย่างน้อย 20 ตารางเมตร และเว้นระยะห่างระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องไว้ อย่างน้อย 2 เมตร เจ้าหน้าที่จากฝ่ายการตลาด สังกัดกระทรวงวัฒนธรรมจีน กล่าวกับ สถานีวิทยุแห่งชาติจีน ว่า กฎที่ควบคุมร้านเนตอย่างเข้มงวดนั้น ทำให้เกิดร้านเถื่อนผิดกฎหมายมากขึ้น ในขณะที่เมืองใหญ่ๆ และเมืองขนาดกลาง มีร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ให้บริการกันล้นความต้องการของตลาด แต่ตามเมืองเล็กๆ และเมืองในชนบท ยังคงมีความต้องการร้านประเภทนี้อยู่มาก และในอนาคตเมืองในชนบทก็จะมีร้านเนตคาเฟ่มากขึ้นเพราะมีจำนวนประชากรย้ายภูมิลำเนามากขึ้น การผ่อนปรนกฎฯครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลจีนที่ออกมาตรการควบคุมร้านเนตคาเฟ่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อปีที่แล้ว(2556) มีการออกกฎให้เฉพาะร้านเนตคาเฟ่ที่เป็นแบรนด์เครือข่ายเท่านั้นที่จะสามารถให้บริการได้ ด้านตัวเลขจากสมาคมการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตจีน ปี 2555 ระบุว่า แผ่นดินใหญ่มีร้านเนตคาเฟ่อยู่ประมาณ 136,000 แห่ง มีผู้ใช้ทั้งหมดรวม 126 ล้านคน คิดเป็น 22 เปอร์เซ็นต์จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในประเทศ นอกจากนี้ ในปีดังกล่าว ร้านเนตคาเฟ่ ยังทำรายได้รวมกันได้มากถึง 54,000 ล้านหยวน หรือราวๆ 120,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าตกลงมาจากปี 2554 ถึง 13 เปอร์เซ็นต์ 
แหล่งข้อมูล: http://www.manager.co.th/ChinaSouth China Morning Post
วิเคราะห์ข่าว:
จากการที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีน ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น นับเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยขยายการทำธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่นับวันทวีความนิยมมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณฯ ต่างพากันออกโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับความต้องการและอุปกรณ์ต่างๆ ของประชาชน การผุดของร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ อย่างมากมายนั้นก็เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เกินความคาดหมาย สิ่งที่ตามมากกับปรากฏการณ์นี้ก็ไม่พ้น ปัญหาในสังคมจีน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจและการเมือง การที่สถานการณ์ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้ทางการจีนเป็นกังวลกับความเสี่ยงในการใช้โซเชียลมีเดีย และเว็ปไซต์ต่างๆในสังคมจีน โดยเฉพาะประเด็นการสร้างความไม่สงบและทำลายความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลจีนจึงกวดขันเข้มงวด และควบคุมการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตในช่วงเวลาที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ใช้เน็ตจีนล่าสุด ยอดแตะครึ่งพันล้าน เตรียมขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก


ผู้ใช้เน็ตจีนล่าสุด ยอดแตะครึ่งพันล้าน เตรียมขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก

ภาพจาก: BBC NEWS
สรุปข่าว:
จากรายงานสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตจีนฉบับล่าสุด ซึ่งจัดทำโดยศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน ( China Internet Network Information Center – CNNIC ) ได้แสดงข้อมูลตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจีนจนถึงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า มีจำนวนถึง 591 ล้านคนแล้ว คิดเป็น 44.1 เปอร์เซนต์ของประชากรจีน โดยในช่วง 6เดือนแรกของปี 2256 พบผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 26,560,000 คน เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปี 2555 และพบว่าจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีบทบาทช่วยขยายการทำธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ รวมถึงการใช้เว็ปไมโครบล็อค  ที่นับวันจะทวีความนิยมมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณฯ ต่างพากันออกโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับความต้องการและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต เป็นต้น นอกจากนี้ยังรายงานอีกว่า โทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นช่องทางหลักของชาวเน็ตจีน โดยพบว่า กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจีนจำนวน 464 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ใช้ทั้งหมด เข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยผ่าน โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งเมื่อเปรีบเทียบกับช่วงปลายปี 2555 พบว่าเพิ่มสูงขึ้น 43,790,000 คน สถานการณ์ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทางการจีนเป็นกังวลกับความเสี่ยงของการใช้โซเชียลมีเดียและเว็ปไซต์สื่อสารอื่นๆ ในการสร้างความไม่สงบ ทำลายความมั่นคง ดังเช่นกรณีการปลุกเร้าการชุมนุมประท้วงของชาวอียิปต์และตูนีเซีย ปัจจุบันและระยะเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้มงวดมากในการเผยแพร่คลิปวีดีโอต่างๆ บนโลกออนไลน์ และขอร้องผู้ให้บริการเว็ปไซต์ต่างๆ ตรวจสอบคลิปวีดีโอ ก่อนโพสต์ขึ้นสู่สาธารณะ เพราะพบว่าคลิปวีดีโอจำนวนมากมีเนื้อหาผิดศีลธรรม สร้างความรุนแรงแก่ผู้ชมในโลกไซเบอร์จีนปัจจุบัน
แหล่งข่าว:

วิเคราะห์ข่าว

จากข่าวข้างต้นพบว่าสถิติการใช้อินเตอร์เนตของจีนมีเพิ่มขึ้นตลอดมา ซึ่งส่งผลกับยอดการใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มมากขึ้น การซื้อขายสินค้าออนไลน์ในจีนเฟื่องฟูพร้อมกับการเติบโตของการฉ้อโกงทางธุรกิจในโลกไซเบอร์มากขึ้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้สถิติดังกล่าวเป็นการรายงานจากองค์กรของจีน จึงเป็นข้อกังขาของหลายๆฝ่ายเกี่ยวกับตัวเลขที่รายงาน อย่างไรก็ตามสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งก็นำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ แม้จีนจะเปิดประเทศนานแล้ว แต่เรื่องการให้เสรีภาพแก่ประชาชนและชาวต่างชาติในบางประเด็น ยังเป็นปัญหาเช่น กรณีปัญหากับบริษัท Google ของสหรัฐ และต่อมาก็จำกัดสิทธิ์ในการใช้ facebook ในจีนเป็นต้น

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

สีจิ้นผิง ยืนยันกระชับสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ


ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน ให้สัญญาจะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับสหรัฐฯให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมกับระบุว่า ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกันมหาศาล นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน เริ่มภารกิจแรกทางการทูต หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการต้อนรับการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ของนายแจ็ค ลิว รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ของสหรัฐฯ การพบกันครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการโจมตีกันเกี่ยวกับสงครามบนโลกไซเบอร์ หลังจากสหรัฐฯ กล่าวหารัฐบาลจีน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อล้วงข้อมูลจากบริษัทชื่อดังหลายแห่งในสหรัฐฯ ขณะที่จีนตอบโต้ว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีน ก็ตกเป็นเป้าของการจารกรรมจากกลุ่มแฮกเกอร์ในสหรัฐฯเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ระหว่างการหารือกันของทั้งคู่ นายสีจิ้นผิง กล่าวแสดงความหวังว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีน จะสามารถแก้ไขประเด็นความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างกันได้ในระยะยาว เนื่องจากทั้งสองประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นจำนวนมหาศาล  ขณะที่นายลิว เรียกร้องให้จีน ร่วมมือกับสหรัฐฯ ในฐานะสองชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของโลก และลดมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างกัน สำหรับภารกิจของนายลิว ระหว่างการเยือนจีนครั้งนี้ คาดว่าจะเน้นที่การกดดันจีน ให้ยุติสงครามไซเบอร์ที่มีเป้าหมายในสหรัฐฯ ตลอดจนเรียกร้องให้จีน ผ่อนคลายมาตรการควบคุมค่าเงินหยวน รวมถึงเปิดทางให้สินค้าสหรัฐฯ สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดของจีนได้มากขึ้น และต้องการให้จีน ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาภายในประเทศให้เข้มงวดยิ่งขึ้นอีกด้วย
19 มีนาคม 2556 เวลา 15:51 น.
สี จิ้นผิง ควงภริยาเยือนรัสเซียถกเรื่องพลังงาน
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556 เวลา 16:15 น.

นายสี ผู้นำจีนคนใหม่ ควงศรีภรรยา เดินทางถึงรัสเซียแล้ว ระหว่างเยือนต่างประเทศครั้งแรก และเตรียมเข้าประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ในแอฟริกาใต้ด้วย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงรัสเซียแล้ว ในการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีจีน โดยนายสี มีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งผู้นำมหาอำนาจทั้ง จะหารือกันเรื่องข้อตกลงด้านพลังงานและการลงทุน ผู้นำคนใหม่ของจีน กล่าวก่อนออกเดินทางเยือนหมีขาวว่า ประเทศทั้ง เป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด” ซึ่งพูดจาภาษาเดียวกัน นอกจากนี้ นายสีจะเดินทางเยือนแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และสาธารณรัฐคองโกด้วยในระหว่างการทัวร์ต่างประเทศครั้งแรกของเขา ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม
โดยในการเยือนแอฟริกาใต้นั้น นายสีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หรือบริกส์ ครั้งที่ จากวันที่ 26-27 มีนาคมนี้ ซึ่งกลุ่มบริกส์ประกอบด้วยสมาชิก ประเทศ คือบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ นางเผิง ลี่หยวน ภริยาของนายสี ซึ่งเป็นนักร้องประจำวงดนตรีของกองทัพที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ร่วมเดินทางไปด้วย
การเลือกเยือนรัสเซียเป็นจุดหมายปลายทางแรกของนายสี ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ และเป็นการเคลื่อนไหวหนึ่งจากจีนเพื่อตอบโต้สหรัฐที่เน้นนโยบายบ่ายหน้าสู่เอเชีย ทั้งนี้ รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตพลังงานใหญ่ที่สุดของโลก และจีนก็เป็นประเทศผู้บริโภคพลังงานใหญ่ที่สุดของโลก การค้าทวิภาคีกำลังขยายตัว โดยเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าสูงสุดถึง 88,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
http://www.dailynews.co.th/world/192371
วิเคราะห์ข่าวภารกิจแรกของประธานาธิบดีจีนในการเยือนรัสเซียและการกระชับความสัมพันธ์ของจีนสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า จีนเห็นความสัมพันธ์ของมหาอำนาจทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือว่ารัสเซีย สำหรับรัสเซียนั้น ผู้นำคนใหม่ของจีน กล่าวก่อนออกเดินทางเยือนรัสเซียว่า ประเทศทั้ง เป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด การเยือนรัสเซียเป็นแห่งแรก สื่อให้เห็นการเคลื่อนไหวของจีนว่าเป็นการตอบโต้สหรัฐที่เน้นนโยบายมุ่งหน้าสู่เอเชียหรือไม่สำหรับกรณีกระชับความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐนั้น จากข่าวพบว่านายสีจิ้นผิง ได้กล่าวแสดงความหวังว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีน จะสามารถแก้ไขประเด็นความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างกันได้ในระยะยาว เนื่องจากทั้งสองประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นจำนวนมหาศาล นี่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้จะออกมาตอบโต้สหรัฐอย่างรุนแรงในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าจีนเป็นภัยในโลกไซเบอร์ก็ตาม จีนก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐให้คงอยู่ต่อไป เนื่องจากมีผลประโยชน์ร่วมกันนั่นเอง ประเด็นนี้มองว่าจีนคงต้องประนีประนอมเพราะอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้นั่นเอง ในขณะที่ลูกหนี้ออกมาโวยวายกล่าวหาในเรื่องต่างๆ ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าไม่ได้คุณภาพบ้าง  ล่าสุดก็เรื่องสนับสนุนการจารกรรมบนโลกไซเบอร์เป็นต้น งานนี้เจ้าหนี้จะอดทนได้นานแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป

สี จิ้น ผิง ลั่นฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ชนชาติจีน


 การประชุมสภาตรายางจีนปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแสดงสุนทรพจน์หลังรับตำแหน่งครั้งแรก ให้คำมั่นจะต่อสู้เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติ เรียกร้องภาครัฐลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย-ต้านคอรัปชั่น ส่วนนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงเปิดแถลงข่าว ยืนยันการทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืนคืองานสำคัญอันดับแรก พร้อมแสดงความสัมพันธ์แบบใหม่กับสหรัฐ
    ประธานาธิบดีสีใช้เวลากล่าวสุนทรพจน์ปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีน (เอ็นพีซี) ราว 25 นาทีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม โดยนอกจากการเน้นย้ำว่าจะสานต่องานของผู้นำคนก่อนๆ และขอบคุณประธานาธิบดีหูจิ่นเทาแล้ว สีประกาศว่าเขาจะต่อสู้เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีน และได้เรียกร้องให้สมาชิกราว 3,000 คนภายในมหาศาลาประชาชนพยายามอย่างแรงกล่าวเพื่อสืบสานการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่และความฝันของชาวจีนให้เป็นจริงต่อไป
    ข้อเรียกร้องฟื้นฟูประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกเป็นดั่งคาถาที่สีท่องมาตลอดนับแต่สีขึ้นสืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่เขาไม่เคยลงลึกถึงรายละเอียดของการฟื้นฟูดังกล่าว ในสุนทรพจน์ปลุกความรักชาติ สีได้เรียกร้องความเป็นเอกภาพแห่งชาติและเตือนกองทัพให้ปรับปรุงขีดความสามารถของตน เพื่อ "ชนะการศึกและปกป้องอธิปไตยและเสถียรภาพของประเทศ" อันเป็นการส่งสัญญาณในทีว่า เขาจะเดินหน้านโยบายการต่างประเทศแบบแข็งกร้าวมากขึ้น
    สีกล่าวถึงปัญหาคอรัปชั่นที่ทำให้ประชาชนเอือมระอาและโกรธแค้นรัฐบาลด้วยว่า เป็นภัยคุกคามอำนาจของพรรค และขอให้สมาชิกทั้งหลายต่อต้านสุขนิยมและการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ด้านเศรษฐกิจเขาย้ำว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น
    สุนทรพจน์ของสีเป็นการปิดประชุมเอ็นพีซียาวนาน สัปดาห์ลงอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อวันเสาร์ สภาได้อนุมัติการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่หลายกระทรวง ซึ่งรวมถึง หวังอี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และโหลวจี้เหว่ย เป็นรัฐมนตรีคลัง ส่วนรองนายกรัฐมนตรีประกอบด้วย จางเกาลี่หลิวย่านตงหวังหยาง และหม่าไค
    ต่อจากนั้น หลี่ ผู้นำหมายเลข ของจีน ได้เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และให้ผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศถามคำถามที่มีการคัดกรองล่วงหน้า กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเกือบ ชั่วโมง หลี่เน้นตั้งแต่เริ่มต้นการแถลงของเขาว่า งานสำคัญลำดับแรกของเขาคือดำรงการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยหัวใจสำคัญคือการเสริมสร้างการปฏิรูปเศรษฐกิจ
    หลี่กล่าวถึงช่องว่างรายได้ในประเทศและความโกรธแค้นของประชาชนต่อปัญหาการคอรัปชั่นด้วย โดยรับปากจะปฏิรูปรัฐบาลกลางลด "ความความสุรุ่ยสุร่าย" และการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์ ประการหลังเขาไม่ได้ระบุชื่อองค์กรหรือวิสาหกิจใดเป็นการเฉพาะ
    "รัฐบาลควรเป็นผู้พิทักษ์ความเป็นธรรมในสังคม เราต้องทำงานหนักเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน" หลี่กล่าว "เพื่อที่ว่าประชาชนที่ทำงานหนักก็จะได้รับการตอบแทนที่สมควร ไม่ว่าคุณจะสร้างความมั่งคั่งจากสิ่งใด เป็นรัฐวิสาหกิจบริษัทเอกชนหรือธุรกิจปัจเจก ตราบใดที่แข่งขันอย่างเท่าเทียมกันและทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใด คุณก็จะประสบความสำเร็จ" 
    ด้านนโยบายต่างประเทศ เขากล่าวว่า การพัฒนาความสัมพันธ์แบบใหม่กับสหรัฐถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และว่าสองชาติมหาอำนาจนี้ควรร่วมมือกันเพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ที่มีร่วมกันจะอยู่เหนือกว่าความขัดแย้ง ขณะเดียวกันหลี่กล่าวด้วยว่าสหรัฐควรเลิกกล่าวหาทางการจีนว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานราชการและเอกชนของสหรัฐได้แล้ว เพราะเป็นคำกล่าวหาที่ "ไร้หลักฐาน".

 แหล่งข่าวไทยโพสต์  18 มีนาคม 2556

วิเคราะห์ข่าวจากรายงานข่าวพบว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อปลุกความรักชาติ สีได้เรียกร้องความเป็นเอกภาพแห่งชาติและเตือนกองทัพให้ปรับปรุงขีดความสามารถของตน เพื่อ "ชนะการศึกและปกป้องอธิปไตยและเสถียรภาพของประเทศ" อันเป็นการส่งสัญญาณในทีว่า เขาจะเดินหน้านโยบายการต่างประเทศแบบแข็งกร้าวมากขึ้น วิธีการแบบนี้ไม่แตกต่างจากการที่เราได้ยินเสียงเพลงรักชาติ ที่ใช้ในการปลุกเร้าประชาชนให้รักชาติเพื่อสร้างความสามัคคีในชาติของตน สำหรับในกรณีของท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแล้ว เราจะพบว่าท่านมีนักร้องเพลงรักชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศจีนเป็นคนคู่เคียงกายอยู่ ส่วนใน นายหลี่ เค่อเฉียน นายกรัฐมนตรีจีน ผู้นำหมายเลขสอง ก็ให้ความสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และทั้งสองท่านย้ำถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ด้านนโยบายต่างประเทศทั้งสีจิ้นผิงและหลี่เคอเฉียนเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐ ซึ่งจำเป็นต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และว่าทั้งจีนและสหรัฐควรมั่นใจในผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อขจัดความแย้งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนายหลี่ก็ยังย้ำให้สหรัฐเลิกกล่าวหาทางการจีนว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานราชการและเอกชนของสหรัฐได้แล้ว เพราะเป็นคำกล่าวหาที่ "ไร้หลักฐาน".